หลักนิติภาษิต บันทึกโดย หลวงสกล สัตยาทร / สวัสดิการของประชาชนเป็นกฎหมายสูงสุด......ผู้ใดมาขอความยุติธรรม ผู้นั้นต้องมาด้วยมือสะอาด..... ผู้ใดละเมิดกฎหมาย จะแสวงหาความช่วยเหลือจากบทกฎหมายย่อมไม่บังเกิดผล.....จากมูลเหตุอันไร้ศีลธรรม ย่อมไม่เกิดสิทธิแห่งการเรียกร้อง..... อาชญากรรมยังผลให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากการนั้นไร้ผล....กฎหมายไม่บังคับในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือพ้นวิสัย.....บทกฎหมายให้ความช่วยเหลือผู้ที่ระวัง แต่ไม่ช่วยเหลือผู้ที่นอนหลับ.....ทุกสิ่งต้องสันนิษฐานว่าถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ความตรงข้าม..... กฎหมายไม่ต้องการให้พิสูจน์สิ่งซึ่งชัดแจ้งต่อศาลแล้ว.....ถ้อยคำที่ชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องการคำอธิบาย.....การตีความในกฎหมายย่อมจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย..... เมื่อข้อความใดเคลือบคลุม ในการตีความต้องละเว้นสิ่งที่ไร้ผลและสิ่งที่เป็นไปไม่ได้.....ในเมื่อถ้อยคำนั้นตีความหมายไม่ได้เป็นสองนัยแล้ว ก็ไม่ควรให้มีการแปลความหมายที่ตรงกันข้ามกับถ้อยคำที่แท้จริงนั้น ..... ท่านต้องไม่ทำให้ถ้อยคำในตัวบทกฎหมายแตกต่างหรือผันแปรไป....หลักการตีความหมายควรถือหลักเสรี และควรให้ถ้อยคำเป็นไปตามความตั้งใจ.....จะต้องเข้าใจถ้อยคำไปในทางที่จะให้วัตถุประสงค์นั้นเป็นผลสำเร็จ ไม่ใช่เสียผล.....การตีความในกฎหมายย่อมจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย....ในการตีความหมายในสัญญาควรต้องเพ่งเล็งเจตนาของคู่สัญญายิ่งกว่าถ้อยคำที่ใช้อยู่....กฎหมายไม่บังคับให้ผู้ใดปรักปรำตนเองหรือให้หลักฐานเป็นปรปักษ์แก่ตน....ในทางอาชญากรรมย่อมมุ่งถึงเจตนา ไม่ใช่ผลของการกระทำ...ไม่มีผู้ใดต้องถูกลงโทษเนื่องจากความคิด....เพียงแต่การกระทำเท่านั้นยังไม่ทำให้ผู้กระทำมีความผิดเว้นแต่จะได้กระทำโดยเจตนาที่ผิด....ผู้สำคัญผิดไม่ได้ถือว่าให้ความยินยอม.....ถือเอาตามน้ำหนักของพยาน ไม่ใช่จำนวนพยาน.....คำรับสารภาพที่รับต่อศาลย่อมมีน้ำหนักว่าการพิสูจน์อย่างอื่น.....เมื่อความเห็นเท่ากันจำเลยย่อมถูกยกฟ้อง ....ดุลยพินิจคือการวินิจฉัยโดยอาศัยหลักกฎหมายว่าอะไรยุติธรรม.....คำพิพากษาของตุลาการที่ตัดสินเกินอำนาจย่อมไม่มีผล....การจัดการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดที่สุดทีทำให้เกิดความอยุติธรรมมากที่สุดได้

การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีผู้บริโภค


การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีผู้บริโภค


ความหมายของ “คดีผู้บริโภค”
          “คดีผู้บริโภค” หมายถึง
          . คดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคตามมาตรา ๑๙ หรือกฎหมายอื่นกับผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าหรือบริการตามมาตรา ()
          . คดีแพ่งตามกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยตามมาตรา ()
          . คดีแพ่งที่เกี่ยวพันกันกับคดีตามมาตรา () หรือ () ตามมาตรา () เช่น ฟ้องให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกัน สัญญาจำนอง สัญญาจำนำ สัญญาประกันภัยค้ำจุน เป็นต้น
          . คดีแพ่งที่มีกฎหมายบัญญัติให้ใช้วิธีพิจารณาตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค ..๒๕๕๑ ซึ่งอนุมาตรานี้เปิดโอกาสให้กฎหมายที่ออกมาในภายหลังสามารถกำหนดให้นำวิธีพิจารณาตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค ..๒๕๕๑ ไปใช้กับคดีอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในมาตรา () () และ () และให้ถือว่าคดีเหล่านั้นเป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย
          ผู้บริโภค คือผู้ซื้อ ผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ หรือผู้ได้มาไม่ว่าด้วยประการใด โดยให้ค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น หรือผู้ได้รับการเสนอหรือชักชวนจากผู้ประกอบธุรกิจหรือเพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการ หรือผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยชอบ แม้มิได้เป็นผู้เสียค่าตอบแทนก็ตาม
          ผู้ประกอบธุรกิจ คือ ผู้ขาย ผู้ผลิตเพื่อจำหน่าย ผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายหรือผู้ซื้อเพื่อขายต่อ ผู้ให้บริการ และหมายความรวมถึงผู้ประกอบกิจการโฆษณาด้วย
ข้อสังเกต
          ๑. คดีผู้บริโภคต้องเป็นคดีแพ่งเท่านั้น
          ๒. ผู้บริโภคต้องเป็นผู้บริโภคคนสุดท้ายจริงๆ ไม่ใช่ผู้ที่ซื้อมาเพื่อขายต่อ
          หากมีปัญหาว่าคดีนั้นเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่ ให้ประธานศาลอุทธรณ์เป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด โดยคู่ความขอให้ส่งให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหรือศาลเห็นสมควรส่งให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัย คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุดตามมาตรา เช่น
          คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ ที่ /๒๕๕๑ กรณีโจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเป็นค่าตอบแทนและให้บุคคลอื่นกู้ยืมอีกหลายรายถือว่าโจทก์เป็นผู้ให้บริการและเป็นผู้ประกอบธุรกิจ เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืม จึงเป็นคดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการบริโภค สินค้าหรือบริการ จึงเป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค มาตรา ()  
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีผู้บริโภค
          พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค .. ๒๕๕๑ เป็นกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นพิเศษแตกต่างไปจากที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งใช้บังคับแก่คดีที่มิใช่คดีผู้บริโภค โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือเป็นกระบวนพิจารณาที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ประหยัด และเที่ยงธรรม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้บริโภคสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้โดยง่าย
          กล่าวคือสามารถใช้สิทธิฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีด้วยตนเองได้ โดยไม่จำต้องมีทนายความช่วยเหลือ การฟ้องคดีผู้บริโภค โจทก์จะฟ้องเป็นหนังสือหรือฟ้องด้วยวาจาก็ได้ ในกรณีที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาให้เจ้าพนักงานคดีจัดให้มีการบันทึกรายละเอียดแห่งคำฟ้องให้ และหากศาลเห็นว่า คำฟ้องนั้นไม่ถูกต้องหรือขาดสาระสำคัญบางเรื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องในส่วนนั้นให้ถูกต้องหรือชัดเจน ตาม มาตรา ๒๐ ดังนั้นโจทก์จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องฟ้องขาดสาระสำคัญซึ่งอาจเป็นฟ้องเคลือบคลุมและอาจถูกศาลยกฟ้อง เพราะเหตุนี้ ผู้บริโภคโดยทั่วไปแม้จะไม่มีความรู้กฎหมายก็สามารถฟ้องคดีด้วยตนเองได้ ซึ่งหากผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟ้องคดีก็จะได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงโดยไม่ต้องยื่นคำร้องขอ ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลซึ่งต่างจากคดีแพ่งทั่วไปซึ่งโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาล หากไม่สามารถเสียค่าขึ้นศาลได้ก็ต้องยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล แต่ในคดีผู้บริโภคนั้นผู้บริโภคได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล เว้นแต่ผู้บริโภคนั้นนำคดีมาฟ้องโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือเรียกร้องค่าเสียหายเกินสมควร หรือ ประพฤติตนไม่เรียบร้อย หรือดำเนินกระบวนพิจารณาอันมีลักษณะประวิงคดีหรือไม่จำเป็น หรือมีพฤติการณ์อื่นที่ศาลเห็นสมควร ศาลอาจมีคำสั่งให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ตามมาตรา ๑๘
          ในชั้นพิจารณาคดีของศาล ในวันนัดพิจารณาให้เจ้าพนักงานคดีหรือบุคคลที่ศาลกำหนดหรือที่คู่ความตกลงกันทำการไกล่เกลี่ยให้คู่ความตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันก่อน ตามมาตรา ๒๕ ถ้าไม่สามารถตกลงกันหรือไม่อาจประนีประนอมกันได้และจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ ให้ศาลจัดให้ มีการสอบคำให้การของจำเลย ซึ่งจำเลยจะให้การเป็นหนังสือหรือให้การด้วยวาจาก็ได้ ในกรณีที่จำเลยให้การด้วยวาจาให้ ศาลจัดให้มีการบันทึกคำให้การและให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้หรือศาลอาจมอบหมายให้เจ้าพนักงานคดีช่วยเหลือคู่ความในการจัดทำคำให้การหรือบัญชีระบุพยานให้คู่ความก็ได้ ตาม มาตรา ๒๖ ประกอบข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานคดีผู้บริโภค .. ๒๕๕๑ ข้อ ๑๗
          จะเห็นได้ว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีผู้บริโภคนั้นไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนคดีแพ่งทั่วไป อีกทั้งยังมีเจ้าพนักงานคดีช่วยเหลือคู่ความในการดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นการพิจารณาว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่จึงมีความสำคัญ เพราะหากไม่ใช่คดีผู้บริโภคจะนำกฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคมาใช้บังคับไม่ได้.

โดย นายบุญยงค์ มีวงษ์ เจ้าพนักงานคดีปฏิบัติการ
จาก