การผัดฟ้องและฝากขังในศาลแขวง
นับแต่ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง
(ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน 2556
แม้ระยะเวลาจะล่วงผ่านมาเกือบปีแล้วก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติจะพบปัญหาความไม่เข้าใจในข้อกฎหมายและแนวทางในการผัดฟ้องฝากขังของพนักงานสอบสวนอยู่หลายคนทีเดียว
วันนี้จึงเก็บปัญหาดังกล่าวที่พบในการทำงานมาทำความเข้าใจกัน
ในเรื่องการผัดฟ้อง-ฝากขัง น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านอยู่บ้าง โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานนี้โดยตรง
การผัดฟ้องและฝากขังเป็นหลักสำคัญของการดำเนินคดีอาญาในศาลแขวง
เนื่องจากในการสอบสวนคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงนั้น เมื่อมีการจับกุมตัวผู้ต้องหา
พนักงานสอบสวนต้องส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมง
นับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ และในกรณีผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวก็ต้องฝากขังด้วย
ในกรณีที่เกิดความจำเป็นไม่อาจฟ้องผู้ต้องหาให้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องต่อศาล ดังบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลแขวงฯ มาตรา 7 ว่า “ในการสอบสวนคดีอาญา
ที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ เมื่อมีการจับตัวผู้ต้องหาแล้ว ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ
เพื่อให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายใน กำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ
แต่มิให้นับเวลาเดินทางตามปกติที่นำตัวผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวน
จากที่ทำการของพนักงานสอบสวนหรือจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาลเข้าใน กำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนั้นด้วย”
ในกรณีที่ไม่มีการจับ
แต่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาแล้ว ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการพร้อมกับสั่งให้ผู้ต้องหาไปพบพนักงานอัยการ
เพื่อให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาได้รับแจ้งข้อหา
แต่มิให้นับเวลาเดินทางตามปกติจากที่ทำการของพนักงานสอบสวนหรือจากที่ทำการของพนักงาน
อัยการมาศาลเข้าในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนั้นด้วย
ในกรณีที่เกิดความจำเป็นไม่สามารถฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลให้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าวในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง
ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอผัดฟ้องต่อไปได้อีกคราวละไม่เกินหกวัน
แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินสามคราว ในการวินิจฉัยคำร้องเช่นว่านี้
ถ้ามีการขอให้ขังผู้ต้องหาด้วยหรือผู้ต้องหาแสดงตัวต่อศาล ให้ศาลสอบถามผู้ต้องหาว่าจะมีข้อคัดค้านประการใดหรือไม่
และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมาชี้แจงเหตุจำเป็น
หรืออาจเรียกพยานมาเบิกความ ประกอบก็ได้
เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องครบสามคราวแล้ว
หากพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอผัดฟ้องต่อไปอีกโดยอ้างเหตุจำเป็น
ศาลจะอนุญาตตามขอนั้นได้ก็ต่อเมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการได้แสดงถึงเหตุจำเป็นและนำพยานมาเบิกความประกอบจนเป็นที่พอใจแก่ศาล
ถ้ามีการขอให้ขังผู้ต้องหาด้วยหรือผู้ต้องหาแสดงตัวต่อศาล ให้ศาลสอบถามผู้ต้องหาว่าจะมีข้อคัดค้านประการใดหรือไม่
ในกรณีเช่นว่านี้ ศาลมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องต่อไปได้คราวละไม่เกินหกวันแต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินสองคราว
สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติม สรุปเป็นประเด็นสั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ คือ
คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแขวง
๑. กรณีไม่มีการจับ ถ้าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาผู้ต้องหาแล้ว
ต้องฟ้องภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่แจ้งข้อหา ถ้าฟ้องไม่ทัน ต้องผัดฟ้องหรือขออนุญาตฟ้องแล้วแต่กรณี
เหมือนมีการจับทุกประการ ตาม ม.๗ วรรคสองที่แก้ไขใหม่
(เดิมนั้นผู้ต้องหามอบตัวโดยไม่มีหมายจับหรือถูกควบคุมตัวคดีอื่น ไม่จำต้องฟ้องในกำหนด
ไม่ต้องผัดฟ้อง ไม่ต้องขออนุญาตฟ้อง)
๒. ในระหว่างสอบสวน หากผู้ต้องหาซึ่งถูกแจ้งข้อหาได้หลบหนีไป
พนักงานสอบสวนส่งสำนวนที่สอบสวนเสร็จสิ้นแล้วให้อัยการพิจารณาได้ โดยไม่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาไปพร้อมสำนวน
ถ้าพ้นกำหนดผัดฟ้อง ขออนุญาตอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องไว้ก่อนได้ ตาม ม.๗ วรรคท้าย
(เดิมนั้นหากได้ตัวผู้ต้องหามาสอบสวนแล้ว ถ้าพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องต้องส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนให้อัยการ
เว้นแต่ผู้ต้องหาถูกขังอยู่ ตาม ป.วิ.อาญา ม. ๑๔๒)
๓. กรณีผู้ต้องหาไม่ถูกควบคุมตัว
ถ้าผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อหา พนักงานสอบสวนสั่งผู้ต้องหาให้ไปพบพนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาลด้วยวาจา
“โดยมิต้องทำการสอบสวน” ตาม ม. ๒๐
(เพิ่มเติมข้อความเรื่องสั่งผู้ต้องหาให้ไปพบอัยการ เพื่อสอดคล้อง ม. ๗ วรรคสอง)
๔. คดีค้างเก่าที่ไม่มีการจับ
แต่แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาไว้ ก่อนมีการแก้ไข วิ.แขวง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๖
ใช้บังคับ ให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการพร้อมกับสั่งผู้ต้องหาไปพบอัยการเพื่อฟ้องให้ทันภายในสี่สิบแปดชั่วโมง
นับแต่ วิ.แขวง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๖ มีผลใช้บังคับ (วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖
เวลา ๐๐.๐๐ น.) ถ้าฟ้องไม่ทัน...ต้องผัดฟ้อง... ขออนุญาตฟ้อง แล้วแต่กรณี ตาม
วิ.แขวง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๘
๕. หากผู้ต้องหารับสารภาพ
จะไม่สามารถผัดฟ้องฝากขังได้ จะต้องนำตัวผู้ต้องหาฟ้องวาจาต่อศาล แต่หากผู้ต้องหาปฏิเสธจะแยกเป็น
๒ ประเด็น
๑. ผู้ต้องหาปฏิเสธและได้รับการปล่อยตัวไปชั่วคราว
ชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนต้องทำการผัดฟ้องแต่ไม่ต้องฝากขัง
๒. ผู้ต้องหาปฏิเสธและอยู่ในระหว่างควบคุมของพนักงานสอบสวนจะต้องนำตัวมาศาลและทำคำร้องผัดฟ้อง
ฝากขัง
ข้อแนะนำพนักงานสอบสวน
๑. คำร้องผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ ๑ นอกจากจะมีคำร้องแล้ว ยังต้องปรากฏข้อมูลหรือพยานหลักฐานที่สนับสนุนเหตุการณ์ขอหมายด้วย เช่น สำเนาบันทึกการจับกุม สำเนาบัตรประจำตัวผู้ต้องหา คำให้การพยานผู้ร้อง
(แบบพิมพ์ของศาล)
๒. ในการผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ ๔-๕ ที่กำหนดให้มีคำแถลงถึงสาเหตุที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเสนอต่อศาลนั้น ใช้คำให้การพยานผู้ร้อง (แบบพิมพ์ของศาล)
๓.
การขออำนาจศาลผัดฟ้องฝากขัง ต้องอยู่กำหนดภายใน ๔๘ ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับแต่มิให้นับเวลาเดินทางตามปกติ ที่นำตัวผู้ต้องหาจากที่ถูกจับมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวน
จากที่ทำการพนักงานสอบสวนหรือจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาล (พ.ร.บ. วิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง ม.๗) ซึ่งไม่เหมือนกับศาลจังหวัดซึ่งจะนับเวลา ๔๘ ชั่วโมง นับแต่ผู้ถูกจับถูกนำตัวถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน
๔.
ดังนั้นให้พึงระวังกรณีจะครบ ๔๘ ชั่วโมง ที่ตรงกับวันหยุดราชการ เช่น ถูกควบคุมตัวในวันศุกร์ เวลา ๐๘.๐๐ น. จะครบ ๔๘ ชั่วโมง ในวันอาทิตย์ เวลา ๐๘.๐๐ น. ต้องทำการผัดฟ้องฝากขัง ในวันเสาร์ (ศาลเปิดทำการครึ่งวัน)
บางกรณีตรงกับเวลาที่ศาลยังไม่เปิดทำการเช่น ถูกควบคุมในวันอังคาร เวลา ๐๘.๐๐
น.จะครบ ๔๘ ชั่วโมงในวันพฤหัสบดี เวลา ๐๘.๐๐ น. แต่ขณะนั้นศาลยังไม่เปิดทำการ ต้องทำการผัดฟ้องฝากขังในวันพุธ
๕.
การผัดฟ้องฝากขัง ครั้งที่
๑
ให้นับวันที่ไปขอศาลผัดฟ้องฝากขังนั้นเป็นวันแรก (นับย้ำ) และ สามารถขอได้ครั้งละ ๖ วัน เช่น ขอศาลผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ ๑ ในวันที่ ๒ การนับวันแรกนับจากวันที่ ๒ (เรียกว่านับย้ำ) ถึงวันที่ ๗ (รวมหกวัน)
๖.
การผัดฟ้องฝากขังครั้งต่อไป ให้นับต่อจากวันที่ครบกำหนดฝากขังนั้น เช่น กรณีข้างต้น เมื่อครบวันที่ ๗ หากมีการผัดฟ้องฝากขังต่ออีกเป็นครั้งที่ ๒ ให้นับผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๘ เริ่มนับต่อไปอีก ๖ วัน คือวันที่ ๘ ถึงวันที่ ๑๓
๗. หากวันครบกำหนดผัดฟ้องฝากขังตรงกับวันหยุดราชการ กรณีนี้ ให้รวมถึงวันเสาร์ที่ศาลเปิดทำการครึ่งวันด้วย เพราะการเปิดทำการของศาลดังกล่าว เพื่อสำหรับการผัดฟ้อง ฝากขังครั้งแรกเท่านั้น ส่วนครั้งอื่น คือตั้งแต่ครั้งที่
๒ ขึ้นไป ต้องทำการผัดฟ้องฝากขังในวันทำการของราชการตามปกติ
ตัวอย่าง ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวในวันพฤหัสบดี จะครบ กำหนดผัดฟ้องฝากขังครั้งแรกในวันเสาร์ กรณี สามารถผัดฟ้อง ฝากขังในช่วงที่ศาลเปิดทำการวันเสาร์ได้ / แต่หากเป็นการครบกำหนดผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ ๒ หรือ ๓ ๔ หรือ ๕ หรือ ๖ ในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์จะต้องผัดฟ้องฝากขังในวันศุกร์ที่เป็นวันทำการราชการตามปกติ ในกรณีนี้ให้ใช้รวมถึงกรณีวันหยุดของศาลในช่วงวันอื่นที่ไม่ได้เป็นวันเสาร์ อาทิตย์ ด้วย
๘.
การนับวันผัดฟ้องฝากขังช่วงที่ตรงกับวันหยุดนั้น ให้นับวันต่อจากวันที่ครบกำหนด เช่น ครบกำหนดผัดฟ้องฝากขังในวันที่ ๑๒ หากวันที่ ๑๒ ตรงกับวันอาทิตย์อันตรงกับวันหยุดราชการ ต้องผัดฟ้องฝากขังในวันศุกร์ที่ ๑๐ แต่การนับวันจะต้องเริ่มนับการผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ ๓ ต่อจากวันที่ครบ คือวันที่ ๑๓ (นับต่อ)
๙.
การผัดฟ้องฝากขัง กฎหมายให้อำนาจครั้งละไม่เกิน ๖ วัน แต่ตามปกติจะขอ ๖ วันเป็นหลัก ไม่เกิน ๕ ครั้ง ในกรณีผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ ๔-๕ ต้องมีคำแถลงถึงสาเหตุการสอบสวนไม่เสร็จสิ้นต่อศาลด้วย (ใช้คำให้การแบบพิมพ์ศาล)
๑๐. การผัดฟ้องฝากขังเป็นกรณีที่จะต้องแยกออกจากกัน การผัดฟ้องคือการขอให้ศาลผัดฟ้องคดีไว้ก่อน แต่การฝากขังคือการขอศาลออกหมายขังผู้ต้องหานั้น โดยวัตถุประสงค์ของการดำเนินคดีในศาลแขวง เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการสอบสวน จึงต้องเกิดการผัดฟ้องทุกกรณีเมื่อมีการควบคุมตัวผู้ต้องหาในความผิดคดีศาลแขวงและผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ กล่าวคือ หากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวและไม่ได้รับการปล่อยตัวไปชั่วคราวชั้นสอบสวนจะต้องไปขออำนาจศาลผัดฟ้องฝากขัง แต่หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวไปชั่วคราว จะเป็นกรณีไปขออำนาจศาลผัดฟ้องเท่านั้น
๑๑. คำร้องขอผัดฟ้องฝากขัง หากเป็นกรณีที่ไม่มีตัวผู้ต้องหาไปศาล ให้ขีดฆ่าคำว่า ฝากขังในคำร้องออก
๑๒. การผัดฟ้องฝากขังจะต้องเกิดจากการควบคุมตัวก่อน หากไม่มีการควบคุม เช่น กรณีแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาที่ไม่ใช่ผู้ถูกจับ หรือผู้ต้องหาที่มีหมายให้จับ ม.๑๓๔ เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้วให้กลับไป ถือว่ายังไม่มีการควบคุม จึงไม่ต้องทำเรื่องผัดฟ้องฝากขังมาใช้
จิราภรณ์ รุจิโกไศย เจ้าพนักงานศาลยุติธรรมชำนาญการ