พยานศาลหรือพยานหมาย คือ
ผู้ที่พนักงานอัยการ โจทก์ หรือ จำเลย
ขอให้ศาลมีหมายเรียกให้ไปศาลเพื่อเป็นพยานโจทก์หรือพยานจำเลย และเบิกความในเรื่องที่ได้รู้ได้เห็นและเป็นข้อเท็จจริงในคดี
การส่งหมายเรียกพยาน
-
คู่ความฝ่ายที่อ้างท่านเป็นพยานนำไปส่ง
- เจ้าพนักงานศาลนำไปส่ง
เมื่อท่านได้รับหมายเรียกให้ไปเป็นพยานศาลควรทำอย่างไร
-
ควรตรวจรายละเอียดในหมายเรียกเพื่อให้ทราบว่า ศาลไหนเรียกให้ท่านไปเป็นพยาน
และท่านต้องไปเป็นพยานโจทก์หรือพยานจำเลย ในวัน เวลา ใด
- หากมีข้อสงสัย
กรุณาโทรสอบถามตามหมายเลขโทรศัพท์ของศาลที่ปรากฏอยู่ในหมายเรียก
- ควรเก็บหมายเรียกไว้
และนำไปศาลในวันที่ศาลนัดสืบพยาน
จะทำอย่างไรหากไม่สามารถมาเป็นพยานศาลได้
- หากเจ็บป่วยหรือมีเหตุขัดข้องจำเป็น
ไม่สามารถไปเป็นพยานศาลในวันนัดสืบพยานได้ขอให้ท่านทำหนังสือแจ้งอธิบดีผู้พิพากษาหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเพื่อชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็น
โดยที่ท่านอาจนำหนังสือไปยื่นที่ศาลด้วยตัวเองหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นนำไปยื่นแทนท่านก็ได้
แต่ต้องยื่นก่อนวันที่ศาลนัดสืบพยาน
- ในระหว่างเดินทางไปศาล
หากมีอุบัติเหตุหรือข้อขัดข้องเกิดขึ้นขอให้ท่านโทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่ในหมายเรียก
จะเกิดอะไรขึ้น
หากไม่ไปศาลตามหมายเรียก
-
การไม่ยอมไปศาลตามหมายเรียกโดยไม่มีเหตุผลอันควร ศาลอาจออกหมายจับและกักขังท่านไว้
จนกว่าจะเบิกความเสร็จ และท่านอาจถูกฟ้องให้ต้องรับโทษทางอาญาจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
การเตรียมตัวก่อนไปเป็นพยานศาล
- ควรทบทวนเหตุการณ์ที่ท่านได้รู้
ได้เห็นเกี่ยวกับคดี เพื่อจัดลำดับเรื่องราวต่าง ๆ จะได้เกิดความมั่นใจเมื่อไปเบิกความต่อศาล
และหากเป็นคดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอกสาร
ท่านควรติดต่อไปยังฝ่ายโจทก์หรือจำเลยที่อ้างท่านเป็นพยานเพื่อขอตรวจสอบเอกสาร
การปฏิบัติตัวเมื่อไปศาลในวันนัดสืบพยาน
- นำหมายเรียกไปด้วย
เพราะในหมายเรียกจะปรากฏหมายเลขคดี ชื่อโจทก์ ชื่อจำเลย
ซึ่งสามารถใช้เป็นข้อมูลในการติดต่อราชการศาลได้เป็นอย่างดี
- กรุณาแต่งกายสุภาพ
ไม่ควรสวมรองเท้าแตะ
- ไปศาลก่อนเวลานัดสืบพยาน จะทำให้ท่านมีเวลาพอที่จะติดต่อกับเจ้าหน้าที่งานประชา
สัมพันธ์เพื่อสอบถามว่าคดีตามหมายเรียกของท่านจะมีการสืบพยานที่ห้องพิจารณาใด หรืออาจตรวจหาห้องพิจารณาจากป้ายประกาศนัดความของศาลเองก็ได้
-
เมื่อทราบห้องพิจารณาแล้วกรุณาแจ้งกับเจ้าหน้าที่งานหน้าบัลลังก์ประจำห้องพิจารณานั้น
ๆ ว่า ท่านมาถึงศาลแล้วและนั่งรอในที่พักพยานที่ศาลจัดไว้
- หากต้องรอเพื่อเบิกความเป็นเวลานานเกินไป
กรุณาสอบถามเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ประจำห้องพิจารณานั้นๆ
การปฏิบัติตัว
เมื่อเข้าห้องพิจารณาในฐานะพยานศาล
-
เจ้าหน้าที่งานหน้าบัลลังก์ประจำห้องพิจารณาจะเรียกเข้าห้องพิจารณาเมื่อฝ่ายโจทก์
ฝ่ายจำเลยและพยานมาพร้อมกันแล้ว และเมื่อผู้พิพากษาปรากฏตัวบนบัลลังก์ขอให้ทุกคนในห้องพิจารณายืนขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อศาล
- ก่อนที่จะเบิกความ เจ้าหน้าที่ฯจะนำท่านเข้าประจำที่ที่เรียกว่า
”คอกพยาน” จากนั้นท่านจะต้องสาบานตนตามลัทธิศาลนาของท่านว่าจะให้การด้วยความสัตย์จริง
โดยเจ้าหน้าที่ฯจะเป็นผู้นำสาบานและท่านต้องกล่าวตาม เว้นแต่
1 บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 15
ปี หรือผู้หย่อนความรู้สึกผิดและชอบ
.2 ภิกษุสามเณรในพุทธศาสนา
3 บุคคลที่คู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าไม่ต้องให้สาบาน
- เมื่อสาบานตนเรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านนั่งลงและตอบคำถามที่ผู้พิพากษาทนายโจทก์หรือทนายจำเลยถามท่านด้วยความสัตย์จริงและใช้วาจาสุภาพ
ภายหลังจากปฏิญาณหรือสาบานตนแล้ว
- พยานจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับชื่อ
อายุ ที่อยู่และความเกี่ยวพันระหว่างพยานกับคู่ความ ต่อจาก นั้นคู่ความหรือทนายความฝ่ายที่อ้างพยานมาศาลจะซักถามเรื่องราวจากพยาน ภาษากฎหมายเรียก ว่า “ซักถาม” เมื่อฝ่ายที่อ้างพยานถามเสร็จแล้วคู่ความหรือทนายความอีกฝ่ายหนึ่งจะถามพยาน
ภาษากฎหมายเรียกว่า “ถามค้าน” เสร็จแล้วฝ่ายที่อ้างพยานจะถามพยานอีกครั้ง ภาษากฎหมายเรียก ว่า “ถามติง” ทั้งนี้คู่ความหรือทนายความอาจงดการถามค้านหรือถามติงเสียได้
ถ้าเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต่อคดี
-
ควรใช้สรรพนามแทนตัวท่านเองว่ากระผม หรือผมหรือดิฉันหรือฉัน หากกล่าวถึงผู้พิพากษา
ให้ใช้สรรพนามแทนผู้พิพากษาว่า “ศาล” หรือ “ท่าน”
- ขอให้ท่านเบิกความเฉพาะเรื่องที่ท่าน
ได้รู้ ได้เห็นด้วยตัวท่านเอง อย่าเบิกความในเรื่องที่ได้รับการบอกเล่าจากผู้อื่น
เว้นแต่ศาลจะสั่ง
- ขอให้เบิกความด้วยวาจา
อย่าใช้วิธีการอ่านข้อความตามที่เขียนมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษา
หากไม่แน่ใจหรือจำไม่ได้ ให้ตอบไปตรง ๆ ว่าไม่แน่ใจ หรือจำไม่ได้
-
อย่าเบิกความโดยการคาดคะเนหรือวิพากษ์วิจารณ์
เพราะท่านอาจมีความผิดในข้อหาเบิกความเท็จได้
-
หากฟังคำถามไม่ชัดเจนท่านสามารถขอให้มีการทวนคำถามซ้ำอีกครั้งได้
- เมื่อเบิกความเสร็จ
ศาลจะอ่านคำเบิกความของท่าน หากเห็นว่าคำเบิกความไม่ถูกต้องตรงกับที่ท่านเบิกความไว้หรือไม่ครบถ้วน
ขอให้แจ้งศาลทราบทันทีเพื่อจะได้แก้ไขให้ถูกต้องก่อนที่ท่านจะลงชื่อในคำเบิกความ
จะทำอย่างไรเมื่อมีการเลื่อนนัดสืบพยาน
- หากศาลไม่สามารถสืบพยานในวันนัดได้
เจ้าหน้าที่งานหน้าบัลลังก์ประจำห้องพิจารณาจะให้ท่านลงชื่อรับทราบ วัน
เวลานัดครั้งต่อไป โดยจะไม่มีการส่งหมายเรียกไปอีก ขอให้ท่านจำวัน เวลานัดดังกล่าว
และกรุณาไปตามนัดด้วย
สิทธิในการรับค่ายานพาหนะและค่าป่วยการพยาน
- หากเป็นพยานในคดีแพ่ง
ท่านจะได้รับค่าพาหนะและค่าป่วยการตามที่ศาลกำหนด โดยฝ่ายโจทก์หรือจำเลยที่อ้างท่านเป็นพยานต้องเป็นผู้จ่าย
- หากเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์
ท่านจะได้รับค่าพาหนะเท่าที่จ่ายไปจริงตามสมควรโดยโจทก์ ต้องเป็นผู้จ่าย
การเบิกความเท็จ
พยานผู้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ก็มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นการเบิกความเท็จ ในการพิจารณาคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท
พยานผู้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ก็มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นการเบิกความเท็จ ในการพิจารณาคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท